วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เริ่มต้นฝึกการ การส่งข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Cloud โดยใช้ภาษา Lua

ผมได้มีโอกาสเรียนรู้การส่งและดึงข้อมูลจาก https://data.sparkfun.com/ 

โดยวิธีที่ผมได้ลองทดสอบในการดึงและส่งข้อมูลมีดังนี้

ขั้นที่ 1

          -เข้าไปที่ https://data.sparkfun.com/

          -ทำการสร้าง Cloud โดยการกด ไปที่ CREATE


รูปแสดงหน้าเว็ปไซต์
               
          -จากนั้นทำการกรอกข้อมูลต่างๆๆ



แสดงหน้าต่างการกรอกข้อมูล


ขั้นตอนที่ 2

            -เขียนโค้ดภาษา Lua ในการส่งข้อมูลไปยัง Cloud โดยที่ภาษา Lua ต้องทำการ Download 

              1. luarocks  Code terminal : sudo apt-get install luarocks

              2. luasocket Code terminal : sudo apt-get install luasocket 


       โค้ดตัวอย่างในการส่งข้อมูล


          - คำสั่ง  require   คำสั่งที่เอาไว้กำหนดให้ตัวแปลต่างๆอ้างถึงฟังชั่นนี้

          - คำสั่ง .request  เป็นคำสั่งอยู่ในฟังชั่นของ luarocks ที่ผมเพิ่งได้เรียนรู้มา ไว้ใช้เชื่อมต่อกับ                
                      เว็ปไซต์

          - เมื่อเสร็จแล้วให้ไปเรียก run คำสั่งใน terminal

          

     

             

                                                           



วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การเชื่อมต่อกับ Raspberry PI โดยใช้สาย Lan

ขั้นตอนที่ 1

              - Download และ ติดตั้ง Angry IP Scanner
                
                 Link : http://angryip.org/download/#windows

ขั้นตอนที่ 2

               - เสียบสาย Lan  กับกล่อง Raspberry PI และคอมพิวเตอร์ (ในที่นี้ใช้  Notebook)
     
               - ตั้งค่า  Wifi ให้แชร์  IP ให้กับกล่อง Raspberry PI

ขั้นตอนที่ 3
              
               - run Angry IP Scanner

               - คลิกไปที IP เพื่อทำการเลือกตัว Lan ที่เสียบเข้าไป แล้วกดที่ ปุ่ม start เพื่อทำการ search หา

                  IP ของ   Rashberry PI  



ตัวอย่าง หน้าตา Program Angry IP Scanner

ขั้นตอนที่ 4
           
               - ให้ทำการ Download Putty และ ติดตั้ง
              
               - จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ใส่ IP ให้เราใส่ IP ของ Raspberry PI ที่เราค้นหาเจอลงไป แล้วกดที่
                  ปุ่ม Open


ตัวอย่าง หน้าตา Program Putty


ตัวอย่าง หน้าตา Program Putty

ขั้นตอนที่ 5

               - จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราใส่ Login as :  ให้พิม PI แล้วกด Enter

               - จากนั้นจะมีให้เราใส่ Password ให้เราใส่  raspberry

             

ตัวอย่าง หน้าตา Program Putty เมื่อกดเชื่อมต่อกับ IP


ตัวอย่าง หน้าตา Program Putty  เมื่อกดเชื่อมต่อกับ IP


ตัวอย่าง หน้าตา Program Putty  เมื่อกดเชื่อมต่อกับ IP
  
ขั้นตอนที่ 6

               - หลังจากใส่ Password ให้เราเปิด cmd ของ windows แล้วพิม  mstsc.exe

               - จากนั้นทำการกด Enter



ตัวอย่าง หน้าต่าง Command Prompt


ตัวอย่าง การเรียก Program mstsc.exe


ขั้นตอนที่ 7
           
               - จากนั้นจะมี Program Remote Desktop Connection รันขึ้นมา

               - ให้ทำการกดไปที่ show option

               - จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา ตรง Computer ให้เราใส่ IP ของ Raspberry PI

                  ส่วนตรง User Name ให้ PI   จากนั้นกด Connect



ตัวอย่างหน้าตา Program Remote Desktop Connection


ตัวอย่างหน้าตา Program Remote Desktop Connection


ขั้นตอนที่ 8

               - จากนั้นจะมีหน้าต่างของ Raspberry PI ขึ้นมาให้เราทำการใส่ Password : raspberry

               - จากนั้น Program จะทำการลง raspberry PI แล้วแสดงหน้าต่าง Desktop ของ raspberry
                  ขึ้นมา


ตัวอย่างหน้าใส่ Password


ตัวอย่างหน้าโหลดเข้า Raspberry PI




ตัวอย่างหน้า Desktop Raspberry PI



                 

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เริ่มต้นการใช้ Linux CentOS ตอน รายละเอียด Linux CentOS และการเพิ่มภาษา

ระบบปฎิบัติการ   CentOS 
               
     CentOS ย่อมาจาก Community ENTerprise Operating System เป็นลีนุกซ์ที่พัฒนามาจากต้นฉบับ RedHat Enterprise Linux (RHEL) โดยที่ CentOS ได้นำเอาซอร์สโค้ดต้นฉบับของ RedHat มาทำการคอมไพล์ใหม่โดยการพัฒนายังเน้นพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่ถือลิขสิทธิ์แบบ GNU General Public License ในปัจจุบัน CentOS Linux ถูกนำมาใช้ในการทำ Web Hosting กันอย่างกว้างขวางเนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการที่มีต้นแบบจาก RedHat ที่มีความแข็งแกร่งสูง (ปัจจุบันเน้นพัฒนาในเชิงการค้า) การติดตั้งแพ็กเกจย่อยภายในสามารถใช้ได้ทั้ง RPM, TAR, APT หรือใช้คำสั่ง YUM ในการอัปเดทซอฟต์แวร์แบบอัตโนมัติ 


ตัวอย่าง desktop ของระบบปฏิบัติการ CentOS

เหตุผลหลักที่องค์กรจะเลือกใช้ระบบ CentOS

1. เพื่อประหยัดงบประมาณขององค์กร เนื่องจาก CentOS เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอส องค์กรไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ (เพียงแต่ผู้ดูแลระบบต้องลงทุนเรียนรู้ระบบก่อนการใช้งาน ในปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้ง่ายดายผ่านทางหน้าเว็บ Google.com)
2. เพื่อนำมาทำเซิร์ฟเวอร์บริการงานต่างๆ ในองค์กร ซึ่งภายใน CentOS มีแพ็กเกจย่อยที่นำมาใช้ทำเซิร์ฟเวอร์สำหรับใช้งานในองค์กรจำนวนมาก อาทิ เช่น Web Server(Apache), FTP Server(ProFTPd/VSFTPd), Mail Server(Sendmail/Postfix/Dovecot), Database Server(MySQL/PostgreSQL), File and Printer Server(Samba), Proxy Server(Squid), DNS Server(BIND), DHCP Server(DHCPd), Antivirus Server(ClamAV), Streaming Server, RADIUS Server(FreeRADIUS), Control Panel(ISPConfig) เป็นต้น
3. เพื่อนำมาทำเป็นระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับจ่ายไอพีปลอม (Private IP Address) ไปเลี้ยงเครื่องลูกข่ายในองค์กร รวมทั้งตั้งเป็นระบบเก็บ Log Files ผู้ใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ปี 2550

อ้างอิงจาก  http://www.arnut.com/b/CentOS


การเพิ่มภาษาในระบบปฏิการ Linux CentOS

ขั้นตอนที่ 1

       - คลิกไปที่เมนู Applications แล้วเลื่อนเม้าส์ไปที่ เมนู System Tools ดังรูป


รูปตัวอย่างแสดงเมนูของระบบปฏิการ Linux CentOS

ขั้นตอนที่ 2

          - คลิกไปที่ icon settings


     
      รูปตัวอย่างแสดงเมนูของระบบปฏิการ Linux CentOS

ขั้นตอนที่ 3

            -  จะมีหน้าต่าง Settings ขึ้นมา ให้เราคลิกไปที่ icon รูป key board



รูปแสดงหน้าต่าง setting

ขั้นตอนที่ 4

           -  จะมีหน้าต่าง Key Board ขึ้นมา ให้เราคลิกไปที่  shortcuts 


รูปแสดงหน้าต่าง key board



รูปแสดงหน้าต่าง Region & Language หลังจากที่กด shortcuts

           แล้วกดที่เครื่องหมาย +  เพื่อเพิ่มภาษา

ขั้นตอนที่ 5 
            
            -  เมื่อกดแล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นมาเพื่อให้เลือกเพิ่มภาษาที่เราต้องการ (ในที่นี้จะเป็นภาษา ไทย)


รูปแสดงตัวอย่างการตั้งค่า


รูปแสดงตัวอย่างการตั้งค่า


รูปแสดงตัวอย่างการตั้งค่า


แล้วกด add   ก็จะเสร็จสำหรับการเพิ่มภาษาแล้วครับ  




วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขั้นตอนการติดตั้ง Centos 7 บน VMware Player Free for Personal Use


ชั้นตอนที่ 1
ดาวโหลดและติดตั้ง VMware Player
ขั้นตอนที่ 2
ดาวโหลด OS Linux CentOS 7
ขั้นตอนที่ 3

Run VMware player และ คลิกที่ Create a New Virtual Machine

          ตัวอย่างการ Run Program VMware Player

ขั้นตอนที่ 4


                 เมื่อคลิก Create a New Virtual Machine จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เลือกที่อยู่ของไฟล์ iso ที่เราต้องการจะจำลองขึ้น (ไฟล์ iso คือไฟล์ของระบบปฏิบัติการต่าง เช่น windows 7 , windows 8 , Linux ) ไฟล์ iso ในที่นี้คือ ไฟล์ Linux CentOS 7 เมื่อเสร็จแล้วให้กด Next


ตัวอย่างการเลือกที่อยู่ไฟล์ iso ที่ต้องการจำลองขึ้น

ขั้นตอนที่ 5
             
             เมื่อกด Next ก็จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ใส่ ชื่อ  UserName และ  Password ที่เราต้องการ  โดยที่ Password นี้ จะเป็นรหัสผ่านทั้ง   ของ UserName และ Root ด้วย


ตัวอย่างหน้าต่างการตั้ง UserName และ Password

ขั้นตอนที่ 6

              
                   เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้วให้ทำการกด  Next ก็จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ตั้งชื่อ Virtual Machine  ของเรา และเลือก location ที่เราจะเก็บ Virtual Machine ไว้


ตัวอย่างหน้าต่างที่ให้ ตั้งชื่อ Virtual Machine



ขั้นตอนที่ 7
            
              เมื่อเสร็จแล้วให้ทำการกด Next จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เรากำหนดขนาดของ disk ที่เอาไว้เก็บ Virtual Machine และ ข้อมูลที่เราต้องการเก็บ


ตัวอย่างหน้าต่างการกำหนดขนาดของ disk

ขั้นตอนที่ 8


               เมื่อเสร็จแล้วให้ทำการกด Next จะมีหน้าต่างขึ้นมา แสดงค่าต่างๆที่เรากำหนดไว้ขึ้นมา ถ้าเราต้องการจะปรับเปลี่ยนค่า Ram หรือ จำนวน core ที่จะใช้สามารถทำได้โดยกด Customize Hardware


ตัวอย่างหน้าต่างที่แสดงค่าที่กำหนดค่าเริ่มต้นไว้
  


                   เมื่อกด Customize Hardware แล้วจะมีหน้าต่างสำหรับตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้กด  close  เสร็จแล้วให้กด finish ในหน้า New Virtual Machine


ภาพตัวอย่างหน้าต่างการตั้งค่า


ขั้นตอนสุดท้าย
                
                     เมื่อกด finish แล้วโปรแกรมจะทำการติดตั้ง Virtual Machine ใน location ที่เรากำหนดไว้ ก็รอจนกว่าจะติดตั้งเสร็จ



ภาพระหว่างการติดตั้ง Virtual Machine Linux CentOS 7



ภาพระหว่างการติดตั้ง Virtual Machine Linux CentOS 7


ภาพระหว่างการติดตั้ง Virtual Machine Linux CentOS 7
    

    เมื่อติดตั้งเสร็จเราก็สามารถสนุกกับการใช้ Linux CentOS 7 ได้แล้วครับ ^^